ผมเคยเปิดประเด็นคุยกับหลาย
ๆ คนว่าหนังเรื่องนี้น่าดูหรือเปล่า หลายความเห็นวิเคราะห์กันว่าหนังจะน่าดูนั้น
ต้องดูที่พล็อตหนังเป็นหลักก่อน ว่าพล็อตนั้นมีความน่าเชื่อขนาดไหน
แล้วพล็อตของเรื่องนี้ที่ว่า ผู้ชายจะสามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้มีเซ็กซ์
ห้ามสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง รวมไปจนถึงห้ามฝันเปียกเป็นเวลานาน
40 วันได้หรือเปล่า ปรากฏว่าประเด็นนั้นถูกขยายออกไปจากความตั้งใจเดิมที่ถาม
กลุ่มแรกคือกลุ่มที่รู้สึกเฉย ๆ กับพล็อต
กลุ่มนี้จะเป็นผู้หญิงซะเป็นส่วนใหญ่
เพราะเท่าที่ถาม ๆ ดู หลายคนก็ถามกลับว่าแล้วมันเป็นยังไงเหรอ
กับการที่จะไม่มีเซ็กซ์แค่ 40 วัน มันจะเป็นจะตายหรืออย่างไร
คือพวกเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
ๆ ไม่เห็นว่ามันจะน่าสนุกตื่นเต้นตรงไหน
ส่วนกลุ่มที่สองคือ กลุ่มบรรดาเสือป่าทั้งหลายที่รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
ผลที่ตามมาก็คือ
กลุ่มแรกที่พอรู้ว่าเรื่องที่ว่าผู้ชายจะอดเซ็กซ์
40 วัน เป็นเรื่องทิ่อิมพอสสิเบิ้ล จึงเกิดความสนใจสุดขีดว่า
เออ แล้วในหนังพระเอกมันจะทำได้จริงหรือเปล่า
แล้วมันจะลงเอยยังไง ส่วนกลุ่มที่สองก็จะแอนตี้หนังเรื่องนี้กลาย
ๆ เพราะมีความรู้สึกว่าหนังที่สร้างจากความไม่น่าเชื่อ
ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ทุกอย่างในหนังมันก็คงจะ
fake แน่นอน แล้วมันจะไปสนุกตรงไหนที่จะต้องไปดูหนังที่รู้อยู่แล้วว่ามันหลอกลวงตลอด
ว่าแต่คุณ ๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคิดว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มไหน
แล้วหนังเรื่องนี้ไปสะกิดต่อมความอยากดูของพวกคุณหรือเปล่า
40
Days and 40 Nights เล่าเรื่องของ แม็ท
(จอช ฮาร์ทเน็ตต์) ชายหนุ่มที่ถูกแฟนสาว
นิโคล (วิเนสซา ชอว์) ทิ้งมาได้ 6 เดือน
แต่ว่าเขาก็ยังตัดใจลืมไม่ได้เสียที ที่สำคัญมันยังส่งผลให้เขามีอาการประหลาดที่มักจะมองเห็นหลุมดำเวลามีเซ็กซ์
และก็มักจะหมดอารมณ์ไปดื้อ ๆ แม็ท เกิดไอเดียที่จะแก้ปัญหานี้ด้วยการตั้งปณิธานถือศีลอด
(เรื่องอย่างว่า) ซึ่งรวมถึงว่าเขาจะต้องพยายามไม่ตอด
แทะ, แกะ, เกา, ดูด, หรือ ลูบคลำให้ตัวเองมีอารมณ์เป็นเวลา
40 วัน คำปฏิญาณที่อิมพอสสิเบิ้ลนี้จึงถูกไรอัน
(เปาโล คอสแตนโซ) เพื่อนรักของเขานำไปโพนทะนา
และเกิดเป็นกระแสในกลุ่มของพรรคพวกและบรรดาผู้เล่นเน็ตเว็บโป๊
ทุกคนพนันว่าแมตต์ไม่มีทางทำได้อย่างที่พูด
และพยายามหาทางทำทุกวิถีทางให้แม็ทพลาดเพื่อที่ตัวเองชนะพนัน
แต่แม็ทก็ยังดำเนินชีวิตมาได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่ร้านซักผ้า
เขาได้เจอกับ เอริก้า (แชนนิน ซอสซามอน)
เธอเข้ามาตีสนิทกับแม็ทก่อน กระทั่งทั้งสองชอบพอกันและออกไปเที่ยวกัน
โดยที่แม็ทไม่แตะต้องเธอเลย ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกมากสำหรับสังคมอเมริกัน
สุดท้ายที่คนดูต้องลุ้นและเอาใจช่วยก็คือ
แม็ทจะทำอย่างที่ตั้งปณิธานไว้ได้หรือเปล่า
เพราะอุปสรรคที่เข้ามามีมากเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเป็นบรรดาคนที่ต้องการทำให้เขาละเมิด
เพื่อหวังเงินพนันที่เทเข้ามามากขึ้น
ๆ ทุกวันจากทั่วโลก รวมไปถึงความรักของเขาที่จะต้องพยายามรักษาสัมพันธภาพไว้
โดยที่ไม่บอกคำปฏิญานถือศีลอดเซ็กซ์กับเธอ
และยังต้องรักษาคำมั่นที่ตั้งใจเอาไว้อีกด้วย
จอช
ฮาร์ทเน็ตต์ หนุ่มน้อยวัย 24 ที่กำลังดีวันดีคืนทั้งในฐานะดาราขายฝีมือ
และกำลังเป็นพระเอกขวัญใจสาว ๆ ซึ่งก็มีบางคนปากวิจารณ์ว่า
จอช หน้าเหมือน ชาร์ลส บรอนสัน สมัยหนุ่ม
ๆ แต่เชื่อว่าสาว ๆ บ้านเราคงเถียงคอเป็นเอ็น
จอชเริ่มเป็นที่รู้จักจากหนังแนวสยองขวัญอย่าง
H20 (1998), Faculty (1998) และมาเริ่มเตะตาสาว
ๆ จากบทผู้ชายที่แสนดีและน่าสงสารจาก
Here on Earth (2000) และ Pearl Harbor
(2001) ตามด้วยหนังสงครามแอ็คชั่นอย่าง
Black Hawk Down (2001)
กับเรื่องนี้
จอช มารับบทวัยรุ่นสบาย ๆ เข้าใจว่าเขาคงเลือกรับงาน
Scale ที่เล็กลงหน่อยเพื่อผ่อนจากงานหนัก
ๆ 2 เรื่องที่เจอมา จำได้ว่าครั้งแรกที่ผมเห็น
Trailer หนังเรื่องนี้ ผมคิดว่าเป็นหนังตีหัวเข้าบ้าน
ที่ไปเอาหนังเก่าสมัยจอชยังไม่ดังมาเข้าฉาย
เพราะไม่คิดว่าจอชจะมาเล่นหนังตลกวัยรุ่นแนวนี้
แต่พอเช็คข้อมูลถึงได้รู้ว่าที่ตัวเองเข้าใจนั้นผิด
จอชเล่นเรื่องนี้ได้โอเคทีเดียว โดยส่วนตัวผมชอบตอนที่แม็ทต้องแกล้งทำเป็นว่าถึงพร้อมกับซูซี่
จอชแสดงว่ากำลังเสแสร้งได้ค่อนข้างน่ารัก
ไม่ได้ให้ความรู้สึกทุเรศอย่างที่หลาย
ๆ คนคิด ซึ่งเห็นฉากนี้ก็พาลให้คิดถึงฉากที่
เม็ก ไรอัน แสดงใน When Harry Met Sally
(1989) ซึ่งเธอแกล้งทำเป็นถึงในร้านอาหาร
จนป้าโต๊ะข้าง ๆ ต้องถามบริกรว่าเอาอย่างที่เธอกินแล้วเป็นแบบเมื่อกี้ที่นึง
ส่วนคนอื่นก็จะมี
แชนนิน ซอสซามอน สาวน้อยที่บางมุมดูคล้าย
แองเจลิน่า โจลี่ มารับบท ก่อนหน้านี้เธอก็เคยแสดงในเรื่อง
A Knight's Tale (2001) มาแล้ว เพียงแต่หนังเรื่องนั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จเมื่อออกฉายสักเท่าไร
ส่วนบท ไรอัน เพื่อนรักตัวแสบของแม็ท
รับบทโดย เปาโล คอสแตนโซ ซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาคนดูบ้านเราพอสมควร
จากบทรูบินเจ้าพ่อหลักสูตรกูคิดเอง ใน
Road Trip
40
Days and 40 Nights เป็นผลงานการกำกับของ
ไมเคิล เลห์แมนน์ ซึ่งเคยเป็นที่ชื่นชมของคนดูจากผลงานเรื่อง
Heathers (1989) และ The Truth about
Cats & Dogs (1996) ไม่นับงานที่ไม่น่าจดจำอย่าง
Hudson Hawk (1991) และ Airheads (1994)
ซึ่งโดยรวมแล้วเขาก็ทำ 40 Days and 40
Nights ให้ออกมาดูสนุกไม่น้อยหน้าผลงานเก่า
ๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา ซึ่งน่าจะถูกใจเป้าหมายหลักของหนังเรื่องนี้
ที่น่าจะเป็นบรรดาสาว ๆ ทั้งหลาย เพราะหนังทำออกมาโดยที่แฝงความโรแมนติกเอาไว้ภายใต้มุขตลกที่ฉาบหน้าเอาไว้
ปัญหาอย่างเดียวของหนังเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่บรรดาวัยรุ่นทั้งหลาย
ที่หลัง ๆ ดูเหมือนรสนิยมในการดูหนังตลกจะเน้นความหนักข้อเข้าว่า
ไม่ว่าจะเป็น There's Somethings About
Mary, Scary Movie, Not Another Teen
Movie และล่าสุดอย่าง The Sweetest Thing
จะยอมรับได้หรือเปล่า แต่บอกได้เลยว่า
ใครที่ชอบบรรดามุขตลกแบบหนังที่ยกตัวอย่างและมาคาดว่าจะเจอ
คงต้องบอกก่อนว่า 40 Days and 40 Night
อาจไม่สามารถตอบสนองในส่วนนั้นได้ แต่ถ้าใครชอบหนังตลกมีรสนิยมขอ
บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวัง.