พอร์ทเทรทสีฟ้า.
"อย่าเอามือออกไปนะ"...
เอ...ผมแค่คิดว่าจะลองเอามือต้านลมดูเท่านั้นเอง.
ไม่ได้คิดว่าจะมีอุบัติเหตุอะไรเลยนะนี่.
หรือผมเลินเล่อเกินไป ?.
ถนนราดยางสองเลนยังใหม่อยู่.
แต่ก็คงอีกไม่นาน...
เส้นนี้รถบรรทุกต้องวิ่งผ่าน.
รู้ใช่ไหมครับ...ว่าอีกหน่อยอะไรจะเกิดขึ้น.
ทุ่ง 2
ข้างทางดูเวิ้งว้างเหงาหงอย.
แต่ผมก็ชอบกลิ่นของมันนะครับ.
ท้ายที่สุด ผมไม่ได้ยื่นมือออกไป.
ได้แต่ก็เอียงหน้าออกไปรับลมหน่อยๆ.
"พรุ่งนี้จะทำอะไรกินดี"...
เธอถามเพราะอยากเตรียมอะไรต่ออะไรให้พร้อม.
พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องกังวล ออกไปหาซื้ออะไรวุ่นวาย.
เธอเป็นคนรอบคอบอย่างนี้เสมอ.
ผมนึกถึงแกงจืดอะไรซักอย่าง.
โยนมันตูมๆ ลงหม้อ...
ทอดไข่...
เท่านั้นก็พอ...
ผมเอาข้อศอกพาดกับหน้าต่าง.
เธอเอามือรวบผมไปไว้ข้างหลัง.
อีกมือหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าใบเล็ก.
หยิบดินสอออกมาเหน็บผมที่ม้วนๆ เอาไว้.
ผมมวยน่ะครับ...
"บอกว่าอย่า"...
ผมชะงักมือเอาไว้แค่นั้น.
แต่ก็ยังเอาข้อศอกพาดหน้าต่างไว้.
รอแค่จังหวะที่จะยื่นออกไป.
ท้องฟ้าตอนนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม.
ดวงอาทิตย์ลิบๆ อยู่ตรงชายทุ่งนู่นแน่ะ.
..................................................
"ทำไมชอบใช้แต่สีฟ้า
?"...
ผมถามเธอพลางหยิบขวดสีโปสเตอร์พลิกไปพลิกมา.
มองรูปวิวที่เธอลงสีด้วยสีฟ้าทั้งหมด.
มันเป็นรูปที่ดูหม่นหมองชอบกล.
กรอบรูปที่ทำด้วยไม้ฉำฉาตีประกบหยาบๆ
ดูดีขึ้นมาเยอะ.
เมื่อเธอเอารูปนั้นไปใส่...
ผมหันไปดูรูปที่เรียงรายตามข้างฝา...
ทะเลสีฟ้า...
โป๊ะริมน้ำสีฟ้า...
ถนนโรยกรวดสีฟ้า...
ผู้ชายตรงมุมซ้ายของรูปก็สีฟ้า...
ทุกรูปมีแต่โทนสีฟ้า...
แต่มันก็ตัดกับกรอบไม้ดี.
เธอเอาสีดำลงไปเพิ่มในหลุมด้านขวา.
หยิบพู่กันหัวเล็กไปแต่งรายละเอียดของรูป.
สีดำทำให้สีฟ้าหม่นลงไปอีก...
แต่มันก็ทำให้รูปทั้งรูปดูมีมิติขึ้นมา.
"สีฟ้านี่แหละดี"...
เธอไม่มองผมตอนตอบ.
เธอเปลี่ยนพู่กัน...แล้วเอาสีขาวไปใส่ในหลุมซ้าย.
สีฟ้าดูนุ่มนวลทันตาเห็น...
"ต้องมีใครสักคนชอบสิน่า"...
ตั้งแต่เธอเอามันไปขายในกรุงเทพฯ.
ผมยังไม่เห็นใครชมว่ารูปเธอสวยเลย.
ที่จริงผมชอบรูปของเธอนะ...
มันไม่แบนเหมือนรูปของเจ้าของร้าน.
แล้วผมก็ชอบสีโปสเตอร์ด้วย.
ผมเกลียดกลิ่นลินสีด.
ผมว่าเธอก็ไม่ค่อยชอบมันเหมือนกัน.
ดีแล้วที่เธอไม่เขียนสีน้ำมัน.
..................................................
"เขาเหมารูปเธอไปแต่งร้านอาหารน่ะ"...
ผมยืนเขย่งดูรูปของเจ้าของร้าน.
ถึงผมจะไม่ชอบสีน้ำมัน.
แต่ผมก็ชอบเจ้าของร้านนะ.
แกใจดี...เธอเองก็ว่าอย่างนั้น.
ผมหันไปเห็นเธอรับเงินมาใส่กระเป๋า.
เธอไม่เคยนับเงิน...เธอว่ามันเสียมารยาท.
คนเราต้องให้เกียรติกัน.
ผมพับถุงทะเลที่เราเอารูปใส่มา.
เก็บใส่เป้สีแดงที่ผมสะพายอยู่.
"เออ...ทำไมถึงชอบสีฟ้านักล่ะ
?"
เจ้าของร้านเอ่ยถามลอยๆ.
แต่ผมว่าเขาต้องการคำตอบนั้นจริงๆ.
ผมเงี่ยหูฟังคำตอบ...
"มันสบายตาดีน่ะค่ะพี่"...
เจ้าของร้านพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย.
ผมลุ้นในใจ...พูดออกมาสิ.
พูดออกมาว่ารูปของเธอสวย.
"งั้นอาทิตย์หน้าขออีกซัก
5 รูปนะ...
เอากรอบให้ดิบกว่านี้นิดนึง...
ไม่ต้องขัดให้เรียบ...เอากระดาษทรายลูบๆ ก็พอ"...
ผมผิดหวังนิดๆ...
อยากให้เธอได้รับคำชม.
หรืออะไรสักอย่างบ้าง.
หลังจากการร่ำลาที่เรียบง่าย.
เธอก็จูงมือผมออกไปจากร้าน.
ไอแดดร้อนวูบ...
ป้ายหน้าร้านสีซีดจางลงไปเยอะ.
ตัวหนังสือ
'ธนบรรณ แกลเลอรี' ขมวดเส้นสายอย่างงดงาม.
แม้ว่ามันจะจางลงไปจากปีที่แล้วมากก็ตาม.
เธอเดินจูงมือผมไปตามฟุธบาท.
ผ่านร้านขายดอกไม้...
ผ่านร้านข้าวแกง...
ผ่านร้านเสื้อผ้าผู้หญิง...
ผมมองกางเกงยีนส์ซีดๆ
ของเธอ.
เสื้อยืดสีขาวดูเก่าไปนิด.
ตรงชายเสื้อก็มีรอยสีเลือนๆ...
เธอไม่หันไปมองกระโปรงยาวตัวนั้นด้วยซ้ำ.
..................................................
หัวผมหมุนติ้ว...
คนในรถกองทับกันระเกะระกะ.
เนื้อตัวผมชาไปหมด...
ผมรู้สึกเหมือนคนหลงเวลา.
คิดไม่ออกว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้.
เธอกอดผมแน่น.
ผมรู้สึกมีรสเฝื่อนๆ ในปาก...
ผมเบียดตัวเข้าไปหาเธออีก.
พยายามงอเข่าเพื่อจะขดตัว.
ผมรู้สึกสบายขึ้น.
ตอนที่หลับตาลง...
..................................................
กรอบสีขาวนวลนั้นดูเรียบร้อย.
ผมว่ามันเรียบร้อยเกินไปด้วยซ้ำ.
ภาพพอร์เทรทของเธอดูสงบ.
มันเป็นรูปสีฟ้าที่มีแบ็คกราวด์สีเข้มจัด.
ดวงตาสีฟ้าดูเยือกเย็น.
เธอเขียนรูปนี้ไว้นานแล้ว.
นี่เป็นรูปของเธอที่ผมชอบที่สุด.
"ไปอยู่กับย่านะลูกนะ..."
ผมไม่ได้หันไปตอบรับเสียงนั้น.
"
พี่ เ อ็ ง เ ข า ห ม ด ทุ ก ข์ ห ม ด โ ศ ก แ ล้ ว
ลู ก "
ควันไฟลอยอ้อยอิ่งตัดกับท้องฟ้าสีหม่น.
ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง...
หวังว่าจะไม่มีน้ำตาหยดลงมา.
..................................................
รถกระบะวิ่งไปตามถนนสองเลนนั้น.
ไฟข้างทางดูสลัว...
ผมนั่งขดตัวอยู่ตรงกระบะหลัง.
ลมกลางคืนหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ.
ย่าหันมามองผมเป็นครั้งคราว.
ผมกอดรูปเธอแนบอก.
มองไปข้างทางก็ไม่เห็นอะไร.
ผมเลยหลับตา.
แล้วยื่นแขนออกไป.
เอามือต้านลมเย็นๆ นั้น.
จนล้าไปทั้งแขน...
นิดหน่อย
:
บันทึกเมื่อ : 10 กุมภาพันธ์ 2544 : 04.12 น.
หมายเหตุ
:
เคยไหมครับ...ที่รู้สึกสุขกับเรื่องเศร้าๆ น่ะครับ ?.
เรื่องนี้ผมพิมพ์ตอนประมาณ ตี 3... นึกภาพของเด็กตัวเล็กๆ
กับพี่สาวของเขาได้ชัด.
เลยลองพิมพ์อะไรก็อกๆ แก็กๆ... ที่จริงตอนนี้ผมสงบมากๆ
เลยครับ.
งานที่ออฟฟิศก็เคลียร์หมดแล้ว.
อธิบายไม่ถูก...ทำไมผมถึงพิมพ์เรื่องนี้
|