พาเที่ยวสถานที่น่าสนใจ ผ่อนคลายกันหน่อยจ้า สินค้าเก่าใหม่มากมาย ข่าวคราวรอบเกาะ สาระต่างๆมากมาย ดูดวงกันให้บันเทิงไปเลย เวบไหนน่าดู คลิ้กเลย อายุไม่เกิน 18 ปี ห้ามเข้า!!! หาที่พัก ก็คลิ้กเลย คลิ้กเลย คุยได้ทุกเรื่อง
  ไทยทูไกด์ เวบภูเก็ตอีกแห่งที่แผนที่สวยมาก
  เวบขายของมือสอง ของคนภูเก็ตจ้า
  เกตเวย์ เอเจนซี่ทัวร์
  ชาวร้อคขาเมทัล คลิ้กเลย
  ไชโยอีเมล์ ฟรีอีเมล์
0 บอร์ดของคนภูเก็ต
  สนุก เป็นเวบท่าดีๆที่สนุกสมชื่อ
  นี่ก็ หรรษา เวบท่าอีกเหมือนกัน

แฟชั่นรอบเกาะ ข่าวความเคลื่อนไหวของวงการแฟชั่นบ้านเรา จะอินเทรนด์หรือเปล่าก็มาดูกันครับ เอ้า สาวๆ อัพเดตตัวเองกันหน่อย เร้ว เดี๋ยวจะตามเค้าไม่ทัน ใครมีคำแนะนำ หรือต้องการส่งรูปมาร่วมสนุกกับโอโซน ก็ส่งมาได้ที่ [email protected]

 

 

 The Trek หนังสัตว์ประหลาดเกรดบีสไตล์ไทย ๆ
 


กรกฎาคมนี้ถือเป็นช่วงที่คอหนังจะได้ดูหนังแนวสัตว์ประหลาดติด ๆ กันในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ เริ่มจากวันศุกร์ที่ 19 มีหนังแมงมุมยักษ์ Eight Legged Freaks ที่ release พร้อมกับอเมริกา เป็นเรื่องที่ออกฉายตัดหน้าไปก่อน พอถึงวันที่ 24 ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา ก็จะมีหนังสัตว์ประหลาดของไทยอย่าง The Trek มาให้ดูกันอีกเรื่อง คงต้องรอดู feedback ว่าสัตว์ประหลาดของไทยกับของฝรั่ง เรื่องไหนจะถูกใจคนดูมากกว่ากัน

 
 
  วิจารณ์
 

พล็อตเรื่องของ The Trek ก็ไม่มีอะไรมาก คอหนังแนวนี้ที่เคยผ่านตากับหนังอย่าง Anaconda, King Cobra, Crocodile, Bloodsurf, Komodo รวมไปถึง Lake Placid คงพอจะเดาเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก

หนังเปิดเรื่องให้คนดูรู้ว่าทำไมงูในหนังเรื่องนี้ถึงขยายขนาดได้ ด้วยเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อถือเท่าไร จากการเลือกให้สารพิษขยายขนาดงูคือสารแอมเฟตตามีน (ยาบ้า) ที่ถูกแพร่กระจายลงน้ำและมีงูมากินสารพิษเข้า ซึ่งเผอิญเหลือเกินที่เป็นเหตุผลคล้ายกับ Eight Legged Freaks ที่มีสารพิษกระจายลงในแหล่งน้ำ และทำให้สัตว์ในแหล่งน้ำนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น จากนั้นหนังก็ตัดไปเล่าเรื่องราวของกลุ่มสมาชิกอนุรักษ์ช้าง ที่เห็นข่าวเกี่ยวกับช้างประหลาด ทั้งหมดต้องการเข้าไปในป่าลึกเพื่อพิสูจน์ว่าข่าวที่ลงเป็นจริงหรือไม่ พวกเขาชวนชาวต่างชาติอีก 3 คนเพื่อเข้าไปสำรวจหาช้างประหลาดตัวนั้น ด้วยหวังว่าถ้าได้พบกับช้างประหลาดจริงตามคำร่ำลือ ชาวต่างชาติทีมนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ต่อการประกาศความสำเร็จของการค้นพบครั้งนี้ได้

ทีมสำรวจจึงเดินทางไปยังหมู่บ้านเพื่อหานายพรานนำทางเข้าไปในป่า แต่ไม่มีใครยอมให้ความช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมามีนายพรานหลายคนแล้ว ที่เข้าไปในป่าแห่งนี้แล้วไม่สามารถกลับมาได้ สุดท้ายคณะสำรวจจึงตัดสินใจเดินทางเข้าไปสำรวจกันเองตามลำพัง แต่เมื่อยิ่งเข้าไปในป่าลึกมากขึ้นเท่าใด อันตรายที่ทีมสำรวจต้องเจอก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างการเดินทาง ทีมสำรวจต้องผจญกับเส้นทางที่ยากลำบากและอันตรายจากสัตว์ร้ายต่าง ๆ ทั้งหมดจะสามารถฝ่าภยันตรายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ สุดท้ายพวกเขาจะมีสักกี่คนที่รอดออกมาจากป่าลึกนี้ได้

หนังถูกสร้างเพื่อเอาใจคอหนังวงกว้าง ที่ไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่าฉากสเปเชียลเอฟเฟ็คท์และฉากกระตุกขวัญอยู่แล้ว ดังนั้นในส่วนของเหตุผลในหนังจึงเป็นส่วนที่ถูกมองข้าม และดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไร

จะว่าไปแล้ว หนังอาจจะได้แรงบันดาลใจจากบรรดาหนังสารพัดสัตว์ยักษ์ที่กล่าวไปข้างต้นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหมาพุดเดิ้ลที่ชื่อ เต้าเจี้ยว ที่จะคอยเอาล่อเอาเถิดกับมุขที่ว่ามันจะโดนเขมือบเมื่อไหร่ เหมือนกับในเรื่อง Crocodile โดยไม่มีเหตุผลว่าทำไมเมื่อรู้อยู่ว่าต้องเข้าไปสำรวจในป่าลึก สาวแอร์ เจ้าของหมาถึงต้องอุ้มมันเข้าไปด้วย หรือการที่แอร์ (ศุภักษร ไชยมงคล - แก้วกริยาจากขุนแผน) ได้รับบาดเจ็บ ก็แทบจะไม่มีความสำคัญกับหนัง ถ้าเทียบกับบทของ เอริค สตอลทซ์ ใน Anaconda เพราะบทของแอร์ใน The Trek ไม่ได้มีจุดหักเหที่ทำให้คณะสำรวจได้เปรียบสัตว์ร้ายเหมือนกับที่บทของ เอริค สตอลทซ์ มีใน Anaconda หรือแม้แต่ฉากที่เอาไก่มาล่อริมน้ำ และฉากจบ ซึ่งทั้ง 2 ฉากนี้ก็คล้ายกับฉากใน Lake Placid หนังก็ไม่ได้บอกอีกเหมือนกันว่า ทำไมทีมสำรวจถึงไปหาไก่บ้านมาเลี้ยงสำหรับเป็นอาหารในป่าลึกได้ แถมยังมีเหลือมากพอที่จะเอามาเป็นเหยื่อล่องูได้อีกต่างหาก

หนังยังขาดเหตุผลในอีกหลาย ๆ ตอน ไม่ว่าจะเป็นการที่ เติมศักดิ์ หัวหน้าทีมสำรวจทนพิษบาดแผลไม่ไหว และตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ก่อนตายยังจะฝากให้ ก้อง (ดนัย สมุทรโคจร) พยายามสำรวจหาช้างประหลาดต่อไป ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเส้นทางเดินทางต่อไปนั้นอันตรายขนาดไหน ที่ตลกก็คือ ก้องตั้งใจจะทำตามปณิธานของเติมศักดิ์ต่อไปอีก โดยที่แรงจูงใจในการไปเสี่ยงตายนั้นยังขาดน้ำหนักอยู่มาก หรือแม้แต่บทของ พรานธง ที่ตอนแรกปฏิเสธแทบเป็นแทบตายว่าจะไม่ยอมนำทาง แต่แล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจมาสมทบและให้ความช่วยเหลือ ซึ่งประจวบเหมาะพอดีกับเวลาที่เติมศักดิ์ผู้เป็นหัวหน้าทีมเพิ่งตาย ความไม่สมเหตุสมผลทั้งหลายทั้งปวง คงต้องยกให้เป็นความรับผิดชอบของ ชาญชัย พานตะสี ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของบทภาพยนตร์และงานกำกับ

แต่ถ้ามองข้ามในเรื่องของเหตุผลแล้ว ดูแค่ฉากเอฟเฟ็คท์อย่างเดียวก็ถือว่าหนังทำออกมาอยู่ในระดับที่ใช้ได้ทีเดียว ที่ว่าดีนี้ไม่ได้ต้องการให้ผู้อ่านคาดหวังถึงระดับหนังฮอลีวูดนะครับ แต่ในความหมายของผม หมายถึงระดับที่เปรียบเทียบกับมาตรฐานของหนังไทยทั่ว ๆ ไป อย่างน้อย ๆ เอฟเฟ็คท์เรื่องนี้ก็ยังดูดีกว่าหนังไทยอย่าง โรงแรมผี สำหรับความดีความชอบตรงส่วนของเทคนิคภาพพิเศษ คงต้องยกให้กับทีม Fantasy Digital Film Company (HK) และ Imagimax Animation & Design Studio Appreciate Co., Ltd. ที่ทำให้ฉากโชว์เอฟเฟ็คท์ของบรรดาสัตว์ประหลาดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตะขาบ, แมงป่อง, แมงมุม, ตัวต่อ และงูยักษ์ ดูดีพอสมควร

ส่วนที่น่าผิดหวังอีกสองส่วนของหนังเรื่องนี้ก็คือส่วนของนักแสดง ซึ่งดาราที่เลือกมาแต่ละคนดูจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร ปัญหาหลักน่าจะอยู่ที่เรื่องของการพูดไทยไม่ชัด ซึ่งทำให้การถ่ายทอดอารมณ์ด้วยน้ำเสียงขาดหายไปอย่างน่าเสียดาย และตัวหนังเองก็ไม่ได้บอกถึงเหตุผลว่า ทำไมต้องขนบรรดาลูกครึ่งที่ไม่ได้มีเรตติ้งส่วนตัวกระฉูดมาเข้าป่าครั้งนี้ด้วย อีกส่วนคือเพลงประกอบของ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ และดนตรีประกอบของ อ๊อตโต้ ที่ถูกใส่เข้ามานั้น ไม่ได้ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดู โดยเฉพาะช่วงที่ใส่เพลงประกอบเข้ามา ฟังดูรก และเนื้อเพลงก็ไม่ได้เข้ากับเนื้อเรื่องเลย

ในแง่ความเป็นหนัง คงฟันธงได้ว่าหนังไม่น่าประทับใจสักเท่าไร โดยเฉพาะกับคอหนังที่ต้องการดูหนังคุณภาพ แต่ความน่าสนใจข้อเดียวของหนังเรื่องนี้ก็คือ หนังแนวสัตว์ประหลาดมักจะมี record ดีเสมอสำหรับเมืองไทย งานนี้คงต้องรอดูว่าคนดูกลุ่มใหญ่ที่เคยให้การสนับสนุนหนังแนวนี้เป็นอย่างดี จะยอมรับและให้การสนับสนุนหรือไม่ เมื่อหนังแนวโปรดถูกนำมาสร้างเป็นหนังไทย.

 
 

 

 

 

ผู้วิจารณ์

 


Kazaar
Design By Chavapong Prateep Na Thalang Tel. 01 537 2360  www.ozone.com