วิธีการใช้หนังสือคู่มือดูนก
            รายชื่อของนกในประเทศไทย ภายในหนังสือคู่มือดูนก ตั้งแต่หน้า 40 ถึง 401จะจัดเรียงไว้ตามหลัก
    อนุกรมภิธาน  ( Taxonomy ) เป็นส่วนใหญ่  โดยเรียงราบชื่อตามหนังสือ  Cheaklist of the Bird of
    Thailand  แต่งโดย H.G Deignan เมื่อ  พ.ศ. 2506  โดยเรียงตามลำดับตั้งแต่นกที่มีวิวัฒนาการต่ำสุด
    คือ นกเป็ดผี จนถึงนกที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุดคือนก จาบปีกอ่อน
                 รายละเอียดของนกแต่ละชนิด
         1. ชื่อ  ( Name )  จะมีทั้งชื่อสามัญ  ( Common Name ) ชื่อวิทยาศาสตร์   ( Scientific Name )  และ
    ชื่อภาษาไทย  ส่วนของชื่อวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยคำ 2 คำ ซึ่งมาจากภาษากรีกโบราณ หรือละติน
    และพิมพ์ด้วยตัวเอน  คำแรกขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่ เป็นชื่อสกุล คำหลังขึ้นต้นด้วยอักษรตัวเล็ก
    เป็นชื่อชนิดของนก
        2.ขนาด  ( Side ) จะระบุไว้บรรทัดเดียวกันกับ ชื่อ โดยใช้ตัวเลขอารบิค เขียนไว้หลังอักษรตัว S
    เป็นขนาดของนกที่วัดจากปลายปากถึงปลายหาง
        3.ลักษณะรูปร่างและสีสัน ( Description ) จะเป็นภาพวาดที่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดและสีสัน
    ของนกโดยเน้นเฉพาะลักษณะที่จะสามารถพบเห็นได้ในธรรมชาติ ซึ่งนักดูนกจะต้องศึกษารายละเอียดนี้
    ประกอบกับภาพนกที่มีไว้ให้  ในกรณีที่นกตัวผู้ ตัวเมีย หรือ นกตัวเต็มวัยกับนกที่ยังไม่โตเต็มวัย มีสีสัน
    แตกต่างกัน คู่มือดูนกจะแสดงรายละเอียดความแตกต่างไว้ให้ และนกชนิดย่อยที่มีสีสันแตกต่างกันก็
    จะแสดงไว้ให้ด้วย
        4.อุปนิสัย ( Behaviour ) อุปนิสัยของนกชนิดต่าง ๆ อาจศึกษาได้จากหัวข้อวงศ์นกต่าง ๆ แต่นกบาง
    ชนิดที่มีนิสัยเด่นแตกต่างออกไป ในคู่มือนี้จะระบุไว้ให้ด้วย
        5.เสียงร้อง ( Voice ) เสียงร้องของนกที่มีไว้ให้นี้ ทางผู้แต่งให้ตามเสียงร้องที่ได้ยินหรือได้บันทึกเสียง
    มาไว้เอง ในกรณีที่ผู้อื่นได้ให้ข้อมูลไว้ ผู้แต่งจะใส่วงเล็บต่อท้ายไว้ในบางกรณีผู้แต่งก็ใช้ตามหนังสือ
    เล่มอื่นที่ได้อธิบายไว้
        6.ที่อยู่อาศัย ( Habitat ) คู่มือเล่มนี้ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับพืชพรรณธรรมชาติ ( Vegetation ) และ
    ระดับความสูง ( Altitudinal range ) ที่พบนกชนิดนั้น ๆ ไว้เช่นกัน
        7.การพบ ( Abundance ) ในคู่มือดูนกจะแบ่งการพบออกเป็น 6 ประเภท คือ
                Very rare         =     หายากมาก                   Rare                             =     หายาก
                Uncommon     =     พบน้อย                        Fairly Common       =     พบค่อนข้างบ่อย
                Common         =     พบบ่อย                          Verrycommon         =     พบบ่อยมาก
        8.สถานภาพ ( Seasonal Status ) นกในประเทศไทยนั้นแบ่งออกเป็น 4 สถานภาพโดยใช้สีแทน
    ความหมายดังนี้

    เป็นนกประจำถิ่น ( Resident ) ซึ่งผสมพันธุ์หรือเชื่อว่าผสมพันธุ์และทำรังวางไข่
    ในประเทศไทย


    เป็นนกอพยพนอกฤดูผสมพันธุ์ ( Non breeding Visitor ) ส่วนมากจะอพบพเข้ามา
    ในช่วงฤดูหนาวจึงมักเรียกกันว่า Winter Visitor


    เป็นนกอพยพผ่าน ( Passage Migrant ) มักพบในช่วง มี.ค. ถึง พ.ค.ขณะอพยพลงไป
    หากินทางใต้ของไทย มลายูและอินโดฯ  และเดือน ส.ค. ถึง พ.ย. ขณะกลับไปทำรังวาง
    ไข่ในเอเชียเหนือ


    เป็นนกอพยพเข้ามาทำรังวางไข่ ( Breeding Visitor ) ส่วนมากอพยพเข้ามาในฤดูร้อน
    ทำรัง วางไข่และรอจนลูกนกแข็งแรงดีแล้วจึงบินอพยพกลับ

           9.แหล่งแพร่กระจาย ( Range ) จะเป็นสีตามสถานภาพของนกชนิดนั้น ๆ ระบายไว้ในแผนที่
    ประเทศไทย ซึ่งได้มาจากการสังเกตุการณ์  สำหรับนกประจำถิ่น ถ้าบริเวณใดเคยพบ แต่ปัจจุบัน
    ไม่พบแล้ว จะมีเครื่องหมาย * กำกับไว้

    วิธีการค้นหาชื่อนกอย่างรวดเร็ว
    1.     ในหน้าปกรองของหนังสือคู่มือดูนกนั้นจะใช้แทนสารบัญในการเปิดดูว่านกชนิดนั้น ๆ อยู่หน้าใด
            ของหนังสือคู่มือ โดยเมื่อเราส่องกล้องแล้วให้สังเกตุดูรูปร่างและสีสันของนกแล้วมาเปรียบเทียบ
            กับสารบัญว่าใกล้เคียงกับชนิดไหนมากที่สุด  ตัวเลขข้างใต้คือหน้าที่จะใช้สำหรับเปิดไปดูว่า ตรง
            กับนกที่เห็นหรือไม่
    2.    เมื่อเปิดเข้าไปแล้วจะพบกับนกในวงศ์นั้น ๆ แล้วเราจะต้องเปรียบเทียบดูอีกครั้งหนึ่งว่าเหมือน
           กับนกชนิดใดมากที่สุด  ถ้าไม่แน่ใจภายในคู่มือจะมีรายละเอียดพอสังเขปเกี่ยวกับ สี อุปนิสัย
           เสียงร้อง ถิ่อาศัย และการแพร่กระของนกชนิดนั้น  ๆ อยู่ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
    3.    เมื่อทราบแล้วว่าเป็นนกชนิดใด ควรจะบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับ รูปร่าง สี เสียงร้อง อุปนิสัย
            ถิ่นที่อยู่ และรายละเอียดอื่น ๆ ไว้ในสมุดบันทึก รวมทั้ง วัน เดือน ปี ที่พบด้วย