| วันศุกร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๒.
๕ โมงเย็นวันนี้เรามีนัดกันที่ห้องชมรมอนุรักษ์
เพื่อเดินทางสู่ จ.ราชบุรี ไปสัมผัสธรรมชาติที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ลุ่มแม่น้ำภาชี. ค่ายครั้งนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องมาจากค่ายภูเขียวที่จัดไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
มีน้องๆหลายคนเป็น
สมาชิกเก่าที่เคยบุกป่าฝ่าดงกับพวกเรามาก่อน
และอีกหลายคนที่พึ่งจะได้ทำความรู้จักกัน การทำค่ายครั้งนี้ก็มีจุดประ
สงค์หลักเพื่อการอบรมให้ความรู้ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รักและหวงแหนใน
ทรัพยากรที่นับวันจะเหลือน้อยลงไปทุกที
และก็เพื่อเป็นการตระเตรียมบุคลากรสำหรับค่ายใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้นช่วง
เดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึงนี้ด้วย.
17.00 น.
ห้องชมรมยังเงียบกริบ มีเพียงพี่รินที่หอบเป้มารอน้องๆตั้งแต่สี่โมงแล้ว
ทิ้ง Trip น้ำหนาวเพื่อจะได้ไปค่ายกับพวกเรา
โดยเฉพาะ.
17.30 น.
ไม่นานเกินรอน้องๆพี่ๆก็มาถึง ค่ายนี้มีพี่แก่ๆมากันเยอะมาก
ทั้งพี่ตั๊ก พี่ริน พี่ม่อน พี่น้ำกับพี่เอ๋ ที่กำลังจะจบวันที่
๑๙ ก.พ. ที่จะถึงนี้แล้ว น้องๆอย่าลืมหาโอกาสไปร่ำลานะ
พี่อ้อม, ประธานค่าย และก็พี่โบว์ พี่บุ๋ม รวมถึงพี่ๆ ๔ หนุ่ม
รูปหล่อ ( สะดุดตีนชาย ต้องใจหญิง ) จาก MET
อ้อ! เกือบลืมพี่ตูนมือกีตาร์ประจำค่ายซะแล้ว
18.30 น.
ในที่สุดคนสำคัญที่พวกเรารอคอยก็มาถึง ท่านผู้อาวุโสดนัย
หรือพี่นัยของพวกเรานั่นเอง ค่ายวันนี้ต้องล่มแน่เลยถ้า
พี่นัยไม่มาเพราะคนที่รู้ทางเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำภาชีอีก
หนึ่งคนนั่นคือพี่อ้อมได้ยิ้มหวานกับพวกเรา
พอเป็นนัย ๆ ว่า "อ้อมจำทางไม่ค่อยได้นะ"
เอาล่ะสิ ถ้าพี่นัยไม่มาล่ะตายหยังเขียดเลยนะนี่. ยุงศาลายาเริ่มออกอาละวาด
ก็พอดีกับรถบัสปรับอากาศ VIP 44 ที่นั่งของพวกเรามาถึง
( ) พวกเราช่วยกันขนของขึ้นรถเสร็จก็ออกเดินทาง
สู่จุดหมายปลายทางที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำภาชี
จ.ราชบุรี หลายคนคงกำลังสงสัยว่า เอ๊ะ! แล้วเขตรักษาพันธุ์
สัตว์ป่ากับอุทยานแห่ง ชาติมันต่างกันยังไงนะ
เปิดตำหรับตำราดูก็พบว่า อุทยานแห่งชาติ (National park) นั้น
คือพื้นที่
ที่ประกาศให้เป็นแหล่งสงวนและคุ้มครองสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ
เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการค้นคว้าวิจัย นันทนาการ และเปิดให้
ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ แต่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
(Wildlife Sanctuary) เป็นพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตเฉพาะที่สัตว์ป่าอยู่อาศัยได้โดยปลอดภัย
เพื่อจะได้สืบและเพิ่มพันธุ์ตามธรรมชาติ พื้นที่นี้จะต้องปลอดจากกิจกรรมทุกอย่างของมนุษย์
รวมทั้งนันทนาการและการท่องเที่ยวด้วย. เมื่อเป็นเช่นนี้ การมา
ค่ายครั้งนี้พวกเราจึงสมควรที่จะต้องเตือนสติตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ระมัดระวังในกิจกรรมที่พวกเรากำลังจะทำ ไม่ว่า
จะเป็นเรื่องเสียงในระหว่างการทำกิจกรรม ขยะในบริเวณที่เราพักอาศัย
ตลอดจนการก่อกองไฟ จะต้องรบกวนผืนป่า
น้อยให้ที่สุด และทำให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด
นั่นถึงจะประสบความสำเร็จในการทำค่ายแต่ละครั้ง
เราแวะพักกันที่นครปฐม หน้าองค์พระ ระหว่างที่พี่ๆน้องๆ
5-6 คนไปหาซื้ออาหารสดในตลาด พี่ตูนก็โชว์ฝีมือกีตาร์
ให้น้องๆได้ร้องรำทำเพลงกันสนุกสนาน พี่ม่อนกับพี่นัยก็ลดวัยมาร่วมวงด้วย
(แต่เพลงที่พี่ๆร้องไม่มีน้องร้องได้ซักคน)
หลงทางกันพอหอมปากหอมคอ เที่ยงคืนเศษพวกเราก็มาถึงที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำภาชี
ทุกคนช่วยกันแบก
ของมากองไว้ที่หน้าบ้านพัก แล้วก็ปล่อยให้น้องๆาสลบไสลกันตามอัธยาศัย
พี่ ๆ ถูกเรียกตัวมาประชุมถึงเรื่องกิจกรรม
ต่างๆและความปลอดภัยภายในค่ายเพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้มีแมวเหมียวตัวใหญ่รอยเม้เท่าชามข้าวมาป้วนเปี้ยนและจับ
สัตว์เลี้ยงชาวบ้านไปกิน คืนนี้เปลที่พี่เอแขวนเลยต้องเป็นหม้ายและย้ายก้นมานอนในบ้านแทน
. . . . .
วันเสาร์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๒.
ฟ้ายังไม่สางพวกเราก็ตื่นกันแล้ว เช้านี้ต้องไปรบกวนขอรถเจ้าหน้าที่ไปขนเตาและของใช้อื่นๆมาจากรถบัสที่จอดอยู่
ข้างนอก ดูเหมือนเมื่อคืนจะมีงานที่บ้านเจ้าหน้าที่หลังใดหลังหนึ่งนี่แหละ
เช้านี้ถึงได้ตาเยิ้มเกิดอาการ Hangover ไป
ตามๆกัน กลับมาก็เริ่มหุงข้าวทำอาหารกันแล้ว
กลิ่นข้าวกาแฟจากหม้อสนามหอมโชยมาแต่ไกล แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่
เพราะกลุ่ม ๓ มีทีเด็ดกว่า ใครไม่เคยเห็น"ข้าวต้มไหม้"ไปถามพี่ม่อนได้ว่าต้องทำยังไงถึงทั้งแฉะทั้งไหม้ได้ในหม้อเดียว
กัน ไม่ใช่ง่ายๆนะน้อง
09.30 น.
เปิดค่ายโดยพี่อ้อม, ประธานค่ายของพวกเราในครั้งนี้
แนะนำพี่บังและทีมเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปกับพวกเรา การเดินป่าวันนี้แบ่งออกเป็น
๔ กลุ่มกลุ่มละ ๗-๘ คน โดยทิ้งระยะห่างระหว่างกันประมาณ ๑๕ นาที
10.30 น.
เริ่มออกเดินทางเข้าป่ากันแล้ว เส้นทางที่เดินก็เดินกันไปตามทางน้ำเล็ก
ๆ ในป่าดิบแล้ง มีการบรรยายโดยวิทยาธร
( พี่ ๆ ) สลับฉากบ้าง ไม่เกิน 3 ช.ม. เราก็เดินทางมาถึงที่ตั้งค่าย
ทุกคนก็รีบตั้งเต็นท์กันอย่างรวดเร็ว ตามแต่ละกลุ่ม
จะได้รับการจัดพื้นที่ให้
15.00 น.
ตอนนี้ทุกกลุ่มก็มารวมกันโดยพร้อมเพรียงกันแล้ว
ไม่มีใครหายไปหรือไปตามแมวเหมียวเลย เป็นอันสบายใจได้
หลังจากที่ตั้งที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มทำอาหรากันแต่หัววัน
เพราะกลัวว่าจะได้กินกันดึก และจะได้มีเวลาอาบ
น้ำกันด้วย ส่วนเวลาที่เหลือก็ให้น้อง ๆ ในกลุ่มเตรียมตัวออกมาเล่าให้เพื่อน
ๆ แต่ละกลุ่มฟังว่า กลุ่มตัวเองได้รับ
รู้เรื่องอะไรมาบ้าง
19.30 น.
ทุกกลุ่มมารวมกันครบ หลังจากผ่านการทำอาหารและทานอาหารมาอย่างสะบักสะบอม
อันเนื่องมาจากการที่ไม่คุ้น
เคยกับการก่อกองไฟและใช้หม้อสมามหุงข้าง แต่น้อง
ๆ ก็กล้ำกลืนฝืนทนกับมันมาได้ในที่สุด ตอนนีเราเริ่มที่จะให้
แต่ละกลุ่มออกมาเล่าเรื่องราวที่ตัวเองได้รับรู้มาให้เพื่อน
ๆ ฟังแล้ว เช่น เรื่องของไทร ป่าดงดิบ ไฟป่า ฯลฯ
21.30 น.
หลังจากที่เล่าเรื่องราวกันจบไปแล้วพี่ ๆ ก็ปล่อยให้น้อง
ๆ เข้านอนกัน
|