ข้อคิดส่งท้าย ป่าธรรมชาติถูกทำลาย ดินสูญหาย น้ำเหือดแห้ง อากาศร้อนแล้ง เกิดภัยพิบัติ สัตว์ป่าขาดที่อยู่ ขาดอาหาร
ถูกล่าถูกจับขาย พ่อแม่ถูกยิงตาย ลูกถูกพร่าออกจากอก ซื้อขายเป็นว่าเล่น เอ็นดูเมื่อยังเล็กและน่ารัก ผลักไสหัว
ส่งเมื่อโตขึ้นและดุร้าย กลายเป็นธุรกิจนำเงินมากมาย หากกลัวบาปโทษ กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ สมคบคิดกันแก้ไข
หวังเอาแต่ประโยชน์ตน จนสัตว์ป่าต้องสูญพันธุ์ ช่างหัวมันเพราะไม่ใช่ของตนคนเดียว นั่งฝันว่าได้ทำบุญ หรือบาป
ช่างสมมติเสกสรร ปั้นแต่งว่าตัวช่างประเสริฐ มีสิทธิเลิศในปฐพี จะฆ่าสัตว์ จะมัดขา จะตีด่า จะยำแกง ไม่เคย
แสลงความรู้สึก เมื่ออยากขึ้นมาก็วิ่งเข้าหา อ้างว่าเพื่อความรัก ( และเอ็นดู ) พอยามเกลียดก็หาคนช่วยสงเคราะห์
( แล้วไปหาลูกสัตว์เล็ก ๆ ที่น่ารักมาเลี้ยงอีก ) ไล่ส่งไปให้คนอื่นรับ ปัดความรับผิดชอบ เหมือนท้องโตแล้วเที่ยงไข่ทิ้ง
เรี่ยราดจนเดือดร้อน ประชาสงเคราะห์ต้องรับเลี้ยง สัตว์ป่าก็เช่นกัน ซื้อหามาจากป่า โตขึ้นมาก็ยกให้คนอื่น เจ้าหน้าที่
และมูลนิธิฯ ต้องรับไป ทำไมต้องรับ รับมาก็เดือดร้อน เท่ากับส่งเสริมให้ไปซื้อหามาเพิ่มอีก คนเลี้ยงนั่นแหละต้อง
รับผิดชอบ ชีวิต อย่าคิดว่ามันเป็นสัตว์ป่า มันมีความรู้สึก มันเป็นสัตว์ มันอยากล่าอยากผสมพันธุ์เหมือนกัน เอามา
เลี้ยงในกรงก็ไม่ออกลูก จะออกได้อย่างไรก็ไม่มีป่าให้อยู่ โตแล้วเอาไปปล่อยก็ไม่ได้ หากินเองไม่ได้ ต่อสู้แย่งถิ่นที่อยู
่กับเจ้าของบ้านไม่ได้ ผลสุดท้ายก็ต้องตายก่อนขยายพันธุ์ แล้วอย่างนี้จะเหลือหรือสัตว์ป่า จะมีแต่พวกที่เขาล่าเอามาใส่
กรงเลี้ยงไว้ดูเล่น ไว้เป็นอาหาร คำว่าอนุรักษ์ มีแต่นามธรรมตามสมมติ อนุรักษ์นู่น อนุรักษ์นี่ จะรีอินโทรดักชั่น
จะผันงบมารักษาป่าและสัตว์ป่า ยิ่งผันยิ่งป่าหมด สัตว์ป่าก็สูญพันธุ์ ร่ำรวยไปตาม ๆ กัน ช่างมันพวกต่างรุ่นลูกต่าง
รุ่นหลาน ตะบันตะบี้ใช้มันให้หมด อนุรักษ์จนน้ำลายไหล แล้วชาติไทยจะรอดหรือตัดตอนจาก สัตว์ป่าสูญพันธุ์เพราะใคร, สืบ นาคะเสถียร
วารสารผาสุก ปีที่๑๓ ฉบับที่๗๒