สมัยโบราณ มนุษย์ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะภะฝนแล้งหรือน้ำท่วมเป็นประจำ
จึงแก้ไขด้วยวิธีการ
สร้างเขื่อนเพื่อกั้นน้ำหรือเก็บน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำในฤดูน้ำหลาก
ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาภาวะน้ำท่วมและยัง
สามารถนำน้ำมาใช้ในฤดูแล้งได้อีกด้วย
ตามหลักฐานปรากฏว่า ได้มีการสร้างเขื่อนเพื่อใช้ประโยชน์มากมายตามแหล่งอารยธรรมเริ่มแรก
คือ ที่
แม่น้ำสำคัญ
4 สาย ได้แก่ แม่น้ำไทกรีสและยูเฟรตีสในเมโสโปเตเมีย ( ปัจจุบันคืออิรัก )
แม่น้ำไนล์ ในอียิปต์
แม่น้ำเหลืองหรือแม่น้ำฮวงโหในจีนและแม่น้ำสินธุในอินเดีย
สำหรับประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตมรสุม ต้องเผชิญกับความแปรปรวนของลมฟ้าอากาศ
เกิดน้ำท่วมหรือฝน
แล้ง
สลับสับเปลี่ยนกันไปทุกปี ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมได้รับผลกระทบอย่างมากต่อการดำ
เนินชีวิต
จึงร่วมมือกันสร้างทำนบหรือฝายกั้นน้ำ เพื่อทดน้ำให้มีระดับสูงขึ้นและปล่อยให้ไหลไปตามคลอง
ส่งน้ำ
หรือคูน้ำไปสู่พื้นที่เพาะปลูก เรียกว่าการทำ เหมืองฝาย
จากหลักฐานปรากฏว่า มีมานานกว่า 700 ปีแล้ว ในเขต 12 ปันนาของไทยลื้อ
และทางภาคเหนือของไทย
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี 2176 พระเจ้าปราสาทได้สร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ
" ธารทองแดง " ขึ้นที่อำ
เภอพระพุทธบาท
จ.สระบุรี เพื่อเก็บน้ำส่งมาใช้บริเวณพระราชนิเวศน์ธารเกษม และในปี 2204 สมัยสมเด็จ
พระนารายณ์หมาราชก็ได้สร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ
ห้วยซับเหล็ก
บนภูเขา แล้ววางท่อเคลือบดินเผาไขน้ำมา
ใช้ในเมืองลพบุรี
และนี่เองคือที่มาของการเกิดเขื่อนขึ้นมากมายในประเทศไทย โดยเขื่อนสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรก
คือ
เขื่อนพระราม 6 กั้นแม่น้ำป่าสัก ที่ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
ลักษณะเป็นเขื่อนทดน้ำ ก่อ
สร้างแล้วเสร็จปี
2466
นายปราโมทย์ ไม้กลัด สมาชิกวุฒิสภาได้กล่าวถึงประเภทของเขื่อน วัตถุประสงค์สำคัญในการสร้าง
และ
การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนในประเทศไทย
ว่าเขื่อนในประเทศไทยแบ่งตามลักษณะการใช้
งานได้
2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ เขื่อนเก็บกักน้ำ เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นระหว่างภูเขา
เนินสูง เพื่อเก็นน้ำจากลำน้ำ
ที่ไหลมาตามหุบเขาเอาไว้
จนระดับน้ำเหนือเขื่อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วระบายส่งไปตามคูคลองเพื่อให้ราษฎร
นำไปใช้ในการชลประทาน
เพาะปลูกยามหน้าแล้ง
การระบายน้ำไปใช้ในการชลประทาน น้ำจะส่งผ่านไปตามท่อซึ่งมีอยู่ในตัวเขื่อน
ไปออกตามท้ายน้ำที่ด้าน
ล่างของตัวขื่อน
และเนื่องจากระดับน้ำที่เก็บไว้ในอ่างสูงกว่าระดับน้ำทางท้ายเขื่อนมาก น้ำที่ระบายออกมานี้
จึงมีแรงดันมากกว่าด้วย
ฉะนั้นในตอนที่น้ำจะออกท้ายเขื่อนจึงให้น้ำไหลผ่านกังหันน้ำเสียก่อน
กังหันน้ำนี้ก็จะหมุน และมีแกนต่อไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็จะเกิดกระแสไฟฟ้าเป็นผลพลอยได้
ตัวอย่าง
ของเขื่อนเก็บกักน้ำที่รู้จักกันดี
ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิต เขื่องอุบลรัตน์ เขื่อนศรีนครินทร์ ฯลฯ
เขื่อนภูมิพล คือ เขื่อนเก็บกักน้ำที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2502
แล้วเสร็จใช้งานปี พ.ศ. 2507 เป็น
เขื่อนคอนกรีตแห่งเดียวในประเทศไทย
แล้วปิดกั้นลำน้ำปิง ที่บริเวณเขาแก้ว อ.สามเงา จ.ตาก มีรัศมีความ
โค้ง 250
ม. สูง 154 ม. ยาว 486 ม. ความกว้างของสันเขื่อน 6 ม.
ส่วนเขื่อนอีกประเภทหนึ่งคือ เขื่อนทดน้ำ เป็นเขื่อนที่สร้างขวางลำน้ำเพื่อกักน้ำในลำน้ำทางด้านเหนือ
เขื่อนนั้น
ให้มีระดับสูงขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามลักษณะหน้าที่ ได้แก่ เขื่อระบายน้ำ
เป็นเขื่อนที่สร้าง
ขวางแม่น้ำขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นตอม่อ
มีบานประตูเหล็ก ทำหน้าที่ยกระดับน้ำให้สูงขึ้นระดับตลิ่ง แต่ไม่
ท่วมตลิ่ง
เมื่อมีระดับน้ำสูงถึงตลิ่ง ก็เปิดบานประตูระบายน้ำออกทางท้ายเขื่อน จนลดลงได้ระดับที่กำหนด
ก็ปิดบานระบายกักน้ำไว้
ตามระดับที่ต้องการต่อไป ตัวอย่างเขื่อนทดน้ำก็ได้แก่ เขื่อนพระราม 6 , เขื่อนเจ้า
พระยา
, เขื่อนปากมูล ฯลฯ
และอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า ฝาย คือเขื่อยนที่สร้างขว้างลำน้ำ มีลักษณะเป็นแท่งคอนกรีตตัน
ไม่มีบานประตู
ปิดเปิด
ทำหน้าที่กันน้ำเหนือเขื่อน ถ้าน้ำมากก็จะล้นข้ามสันฝายไปเอง
เขื่อนทุกเขื่อน สร้างขึ้นมาเผื่อใช้เกื้อหนุนด้านการเพาะปลูก การชลประทาน
แต่การที่จะสร้างเขื่อนแต่ละ
เขื่อนไม่ใช่พอไปเห็นพื้นที่
พรุ่งนี้ก็ตกลงดำเนินการได้เลย แต่จะต้องมาศึกษาถึงประโยชน์และผลกระทบที่
จะได้รับ
จากการสร้างอีกมากมายหลายด้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจสภาพพื้นที่ ภูมิประเทศว่ามีความ
เหมาะสมที่จะสร้างเขื่อนได้หรือไม่
สร้างอยู่ในตำแหน่งนั้น ๆ เพื่อประโยชน์อะไรบ้าง พื้นที่จัดสร้างเป็นพื้นที่
ที่มีศักยภาพด้านแหล่งน้ำธรรมชาติไหลมาตลอดทั้งปีหรือไม่
รวมไปถึงสร้างแล้วจะทำให้เกิดน้ำท่วมเสียหาย
ในพื้นที่ใกล้เคียงมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งเราสามารถคิดตำนวนได้โดยดูจากแผนที่
แน่นอนที่สุด การจะสร้างเขื่อนขึ้นมาแต่ละแห่ง ย่อมต้องเกิดความสูญเสียต่อทรัพยากรป่าไม้
ระบบนิเวศ
เปลี่ยน
ราษฎรที่อยู่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบ แต่ก็ต้องมาเปรียบเทียบกันระหว่างผลเสียและผลประโยชน์ที่
จะได้รับจากเขื่อนในอนาคตว่าจะสามารถหักล้างกันได้มากน้อยแค่ไหน
แต่วันนี้เขื่อนได้กลายสภาพ แปรรูปไปสร้างปัญหาและผลต่อเนื่องอย่างมากมายให้กับคนในสังคม
ดังเช่น
ปัญหาการเรียกร้องของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนที่เกิดขึ้น |