เรื่องเล่าจากการเดินทาง
เนปาลบันทึก
อาจมีคนสงสัยบ้างว่าผมไปทำอะไรที่เนปาล  ดินแดนที่ห่างไกลความศิวิไลย์  บ้านเมืองที่สกปรก 
มันมีอะไรที่น่าพิศมัยนักหรือ  บันทึกชิ้นเล็กๆชิ้นนี้อาจพอให้คำตอบคุณได้

เนปาล  ที่นี่เต็มไปด้วยชีวิต  ชีวิตที่ไม่มีการปกปิดซ่อนเร้น  ความเชื่อ  ความศรัทธา  ยอดเขาที่สูงเสียดฟ้า ความไม่เป็นระเบียบ  ความสกปรก  ความกังวล  ความน่าสะพึงกลัว  ทุกสิ่งทุกอย่างรวมตัวกันอยู่ที่นี่ 
อาจด้วยเหตุนี้  เนปาลจึงได้ชื่อว่าเป็นประเทศน่าเที่ยว  หนึ่งในหกของโลก  ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม  นี่คือคำพูดของคนที่มาจากเมืองที่เจริญถึงขีดสุดทางเทคโนโลยีและกำลังย้อนตัวเองกลับไปสู่รากเหง้าแห่ง
วัฒนธรรม  แน่นอน  สิ่งที่พวกเขาแสวงหาจึงไม่ใช่ความศิวิไลย์  หากแต่เป็นความเรียบง่าย  ขนบธรรมเนียม  จารีตประเพณี  ธรรมชาติ  ขุนเขา  และสายน้ำแห่งชีวิตที่ครั้งหนึงพวกเขาได้ทำลายมันลงไปด้วยความทนง 
ในอีกซีกโลก  เนปาลไม่เคยอยู่ในความคิดของนักเดินทาง  ผมเชื่อเหลือเกินว่า  คนไทยน้อยคนนักที่คิดจะเดิน
ทางมาเยือนประเทศนี้  เนปาลไม่ใช่ tourist destination สำหรับผู้มองหาความสบายในการเดินทาง  ไม่เหมือนดัง  อเมริกา  แคนนาดา  สวิสเซอร์แลนด์ หรือออสเตรเลีย  ที่มักเป็นที่โหยหาของนักเดินทางชาวไทยทั่วไป
ไม่มีใครผิด  ไม่มีใครถูก  สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงข้อแตกต่างทางความคิด  ประสบการณ์ และความซ้ำซากในชีวิต
ประจำวัน(perception) ของแต่ละคน

๑.
ฤาษีผมยาว  ผู้คนเนื้อตัวกักขฬะ  แม่น้ำสีดำสนิทที่เกิดจากสิ่งปฏิกูล  นักท่องเที่ยว  และวัฒนธรรมอันเก่าแก่  ที่นี่คือวัดฮินดู ใน Katmandu  ที่นี่… Bagamati river  -- สายน้ำศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ไหลมาจากภูเขาหิมาลัย 
ครั้งหนึ่ง  สถานที่แห่งนี้เคยเป็นชีวิตทั้งชีวิตของชาวบ้าน  จากอาบ-กิน  จนถึงพิธีกรรมทางศาสนา
ตราบจนทุกวันนี้  แม้หลายสิ่งจะเปลี่ยนไป  แต่ Bagamati ก็ยังคงเป็นศูนย์รวมทางศาสนาของชาวบ้าน  การบูชาพระศิวะและการเผาศพริมแม่น้ำ  ยังคงมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ กลิ่นฟาง  ควันไฟ  ศพที่ถูกเผาไหม้  ขี้เถ้าที่ลอยไปกับสายน้ำ  ภาพอันแสนธรรมดาของชีวิตที่หลายคนพยายามปฏิเสธเกิดขึ้นทุกวันที่นี่ไม่มีโรงศพ
สวยงาม ไม่มีการซ่อนเร้นใด ๆ  หลายครั้งผมมองประเทศที่ได้ชื่อว่าเจริญรุ่งเรืองด้วยความไม่เข้าใจ  พวกเขาเก็บคนพิการไว้ในบ้านอนาถา  เก็บผู้เฒ่าผู้แก่ไว้ในบ้านพักคนชรา พวกเขาทำเหมือนกับผู้คนเหล่านี้
ไม่มีตัวตน  เหมือนต้องการจะปัดกวาดทำความสะอาดภาพอันน่าสมเพชเหล่านี้ออกไปจากสายตา  ให้เหลือแต่ความงามแบบอย่าง Hollywood ความชรา  ความพิการ  โรคร้าย  ความทุพลภาพต่างๆนานา  อะไรทำให้พวกเขาไม่มีสิทธิ์อยู่ร่วมในสังคมเฉกเช่นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ผมก็ไม่แน่ใจว่าอะไรคือความเจริญ  และความศิวิไลย์ เหมือนกับหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่าง  ที่ผมประสบพบเห็น  และกำลังดำเนินชีวิตอยู่

เหนือแม่น้ำ  บนวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้  วงเวียนแห่งชีวิตดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย  วัฏสังขาร  ใต้แผ่นฟ้าเหนือพื้นแผ่นดิน  นี่แหละวิถีชีวิตมนุษย์  ไม่เห็นมีอันใดน่ากลัว  น่าหลบซ่อน  นี่สินะมนต์เสน่ห์แห่งเอเชีย  ที่ซึ่งผู้คนเหล่านี้เฝ้ามองมันทุกวันด้วยความเข้าใจ หรือคนกักขฬะที่เราเห็นเหล่านี้  กำลังเดินเข้าสู่นิพพานและการรู้แจ้ง แต่ก็อีกหลายครั้งนั่นแหละ  ที่บุคคลผู้อยู่ในความรู้แจ้งไม่ตระหนักถึง
ความเป็นอริยะในตัวตนแห่งตนเอง  เฝ้าเวียนหาสิ่งใหม่จนในที่สุดก็หลงมัวเมาไปในกิเลส  แล้วก็ได้พบว่า  สิ่งที่ตัวเองค้นหา  คือการเดินทางกลับไปสู่อดีดอีกครั้ง คงเป็นอย่างที่เขาว่า  บางครั้งเราก็แยกไม่ออก
ระหว่างคนจรจัดกับผู้บรรลุธรรม  แม้แต่ตัวของเขาเอง

๒.
เราตื่นกันแต่ตีสี่เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดมัจฉาปูชะเล  ซึ่งเป็นยอดเขาในเทือกเขาหิมาลัย  พวกเราต้อง
นั่งรถไปกว่าครึ่งชั่วโมง  และยังต้องเดินต่ออีกกว่า ๒-๓ กิโลเมตร  ถึงฟ้าจะยังไม่สาง  แต่ก็มีนักท่องเที่ยวให้เห็น
อย่างหนาตา Pokhara  นับเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเมืองหนึ่ง  สังเกตได้จากจำนวนนักท่องเที่ยว
ทั้งฝรั่งและชาวญี่ปุ่น  ที่ดินและค่าครองชีพที่ถีบราคาสูงขึ้น  การขยายตัวของบริษัททัวร์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง  จึงไม่น่าแปลกที่จะเห็นบรรดาพ่อค้าแม่ขายจอมตื้อและเด็กขอตังอยู่แทบทุกแห่งที่คุณไป  แน่นอน  นี่คืออุปสรรคของนักท่องเที่ยว  และเป็นตัวทำลายบรรยากาศในการเดินทาง  หลายคนเบื่อ  เซ็ง รำคาญกับคน
กลุ่มนี้  บ้างก็ให้เศษเงินไปแลกกับความรำคาญ  ในความเป็นนักท่องเที่ยว  ผมก็ย่อมต้องการความเป็นส่วนตัว  อิสระที่จะเดินทางและใช้จ่าย  กระนั้นก็ตาม  เศษเสี้ยวหนึ่งในใจของผมมันบอกว่า  ผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคนเหล่านั้น  พวกเขาอาศัยอยู่บนดินแดนนี้มากว่าศตวรรษ  แล้วพวกผมล่ะเป็นใคร  แค่นักท่องเที่ยวที่มาฉกฉวยความงาม
ของพวกเขาแล้วก็จากไป  ไม่ว่าจะเป็นที่นี่เนปาล  เวียดนาม  ลาว  หรือพม่า  ไม่ว่าดินแดนนั้นจะต้อยต่ำ
หรือล้าหลังแค่ไหน  พวกเขาเหล่านั้นคือเจ้าของประเทศ  และเราเป็นแค่เพียงแขกผู้มาเยือน

เรามาล่องเรือเล่นกันที่ทะเลสาบ  แดดค่อนข้างแรงแต่ก็มีลมมาปะทะประปราย  มีชาวบ้านพายเรือมาทักทาย
เราบ้าง  บ้างร้องรำทำเพลงท่าทางสบายอารมณ์ ในขณะที่เรานั่งรถผ่านบริเวณตลาดมาไม่ถึงสิบนาที  ที่นั่น  นักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่เหมือนในซอยข้าวสาร  บริษัทนำเที่ยวเชิง  Adventure  tour  มีให้เห็นอยู่เต็ม
สองฟากถนน  Tracking  safari, Hiking, Water  Rafting  ร้านอุปกรณ์เดินป่า  ถุงนอน  เสื้อ   เรือยาง…  ช่างเป็นความรู้สึกที่ต่างขั้วทางวัฒนธรรม  จริงอยู่คนทั้งสองกลุ่มมุ่งหาธรรมชาติ  หากแต่กลุ่มหนึ่งมองธรรมชาติ
อันสงบและอบอุ่น  ในขณะที่อีกกลุ่มแสวงหาธรรมชาติอันป่าเถื่อนและโหดร้าย ในความเป็นจริง  ธรรมชาติ
ไม่เคยแบ่งแยก  ผู้คนต่างหากที่มองมันแตกต่างกันไปตามแต่ใจจะมอง 

๓.
เดินทางสู่จิตวัน  ทางไม่ค่อยดีเมื่อมาถึงในเขตอุทยาน  เราต้องลงมาต่อรถจิ๊ปของโรงแรม  Royal  Park  เพราะทางหลังจากนั้นเป็นดินลูกรังและต้องลุยข้ามน้ำ เท่าที่เห็นบนทางที่ผ่านมาวัวคือสัตว์สำคัญของที่นี่  เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์  เป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้า  เราจึงเห็น วัว เนปาลเดินกันอยู่บนถนนอย่างอิสระ และหากรถ
คันไหนขับมาชนวัวตาย  เจ้าของรถจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของวัวดังเช่นชนคนตายหนึ่งชีวิตเลยทีเดียว
เห็นแล้ว  ผมก็อดไม่ได้ที่จะนึกเปรียบเทียบกับควายไทยที่ถูกชนตายอยู่ข้างถนน  และรางรถไฟ 

นั่งช้างที่จิตวันเป็นประสบการณ์หนึ่งที่ลืมไม่ลงไปอีกนาน  ทั้งทรมาน  ทั้งสนุก  คอกนั่งช้างที่นี่ไม่เหมือนกับ
ที่อยุธยาหรือเชียงใหม่  แทนที่จะนั่งตัวละ ๒ คน  ที่นี่นั่ง ๔ คน หันหลังชนกัน  เสียวก็เสียว  มือก็ต้องเกร็ง
คอยจับราวไว้กันหล่น  ตาก็ต้องมองทางเพราะนั่งอยู่บนหลังช้างอาจถูกยอดไม้เกี่ยวเอาได้ง่ายๆ  ที่อันตรายที่สุด
ก็คือคนที่นั่งหันหลังให้ช้างนั่นแหละ  ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม  สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในดินแดนไกลบ้านแห่งนี้
ก็คือความมีน้ำใจของคนเนปาล  วิถีชีวิตที่เรียบง่าย  ทุกเช้า  เราจะเห็นคนเนปาลยิ้มแย้มแจ่มใสเข้ามาทักทาย นมัสเต กับเรา  ในบางความรู้สึก  ผมอยากจะยกตำแหน่ง Land of Smile ให้คนเนปาลด้วยซ้ำไป ที่นี่  บ้านเรือน
ที่ก่อด้วยหินและดิน  หลังคามุงสังกะสีที่ใช้ก้อนหินมาวางทับไว้กันลมพัดปลิว  ถนนที่ไม่เคยมีการบำรุงรักษา  สภาพบ้านเรือนที่ไม่ต่างไปจากเมืองไทยกว่า ๔๐ ปีก่อน  แน่นอน  รวมถึงสภาพจิตใจของคนที่ยังคงความมีน้ำใจ  สมถะ  ไม่อยากดีอยากได้เกินตน -- ทั้งควาญช้างใจดีที่เก็บฝากล้องและเลนส์ pl ที่ทำตกบนหลังช้างคืนให้เรา
ถึงสองครั้งสองครา  พรานเดินป่าตาดีที่ชี้ให้เห็นเลนส์อีกอันที่ทำตก ผมจำเป็นต้องเอามากล่าวไว้ที่นี้  เพราะนี่คือเกียรติของคนไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม

๔.
วันนี้เกิดการสไตรค์ทั่วทั้งเนปาล  พวกเราได้นับคำแนะนำจากทั้งไกด์และทางโรงแรมว่าไม่ควรออกไป
เดินข้างนอก  นั่นหมายความว่า  กิจกรรมของวันนี้ทั้งวันจะถูกงด  จนกว่าทางโรงแรมจะมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์
ที่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น  หากนี่คือเมืองไทย  บริษัททัวร์มีหวังโดนด่าเปิง  จริงอยู่  การท่องเที่ยว
กับการเมืองนั้นเป็นคนละส่วนกัน  และการที่เราจ่ายค่าทัวร์มาแล้ว  เราก็ย่อมคาดหวังจะได้รับในทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่เราจ่ายไปอย่างคุ้มค่า  หากแต่  การท่องเที่ยวในความหมายของผม  ไม่ใช่การลงทุนทำธุรกิจ  และผลกำไร
ที่ได้รับก็ไม่ใช่เงินทองหรือเพียงเรื่องที่จะนำกลับมาเล่าอย่างสนุกปาก  แต่มันคือประสบการณ์ทุกอย่างที่ได้รับ
ในระหว่างการเดินทาง  ไม่ว่าจะนั่งช้าง นั่งเรือแคนนู  หรือนั่งรอว่าเมื่อไหร่มันจะเลิกสไตรค์กันซะที (วะ)  ผมไม่ได้กำลังขาดทุนหรือถูกเอาเปรียบ  แต่ผมกำลังได้กำไรจากสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง  ก็เท่านั้น

เนปาล  ผมอยู่มาจนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าประเทศนี้มีประชากรเท่าไหร่  พื้นที่กว้างยาวกี่ตารางกิโลเมตร  อุณหภูมิ
เฉลี่ยกี่องศาเซลเซียส  ถ้าจะพูดให้ชัด  ผมไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่ผมควรรู้และบันทึกเอาไว้ ณ ที่นี้หรือไม่  เพราะผมไม่เคยเดินทางวัดประเทศนี้ทั้งประเทศ  ไม่เคยดูปรอทวัดอุณหภูมิ  อีกทั้งไม่เคยนั่งนับจำนวนประชากร 
 ผมมาอยู่ที่นี่เพียง ๖-๗ วัน  และสิ่งที่ผมทำได้คือตาดู  หูฟัง  และพยายามใช้เส้นประสาทสัมผัสกับทุกสิ่ง
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา  ให้ได้คิด  และวิเคราะห์  พูดก็พูดเถอะ  ผมไม่แน่ใจว่าการบอกอุณหภูมิว่าขณะนี้อุณหภูมิ
อยู่ที่ ๒๗ องศาเซลเซียส  จะช่วยอะไรผมได้  ผมบอกได้แต่ว่า  มันร้อน  ร้อนมาก  ร้อนชิบหาย  ก็เท่านั้นเอง
 ผมมาอยู่ที่นี่ ๖ วัน  ผมจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับเนปาล  ใช่  ผมอาจจะบอกได้ว่าที่นี่มีประชากร--ล้านคน  แต่ความเป็นจริงก็คือ  ผมไม่รู้จักคนเนปาลแม้สักคนเดียว

เช้าวันนี้  พวกเราออกไปเดินป่าบริเวณใกล้ๆ กัน  มีด่านทหารเป็นเครื่องหมายบอกพวกเราว่า  ที่นี่คืออุทยาน
แห่งชาติและเราต้องปฎิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด  ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยนกนานาชนิด  แต่โชคไม่ดันัก  ไม่มีใครในกลุ่มเราที่มีเลนส์ซูมได้ไกลๆ เลยสักคน  แน่นอน  จุดเด่นของจิตวันก็คือแรด  เช้านี้เราพบแรดสองตัวด้วยกัน  ตัวแรกพึ่งกินหญ้าเสร็จกำลังขึ้นมาจากทุงหญ้าและมุ่งหน้ามาทางพวกเรา  ทำเอาทั้งกลุ๊ปไทยกลุ๊ปฝรั่งแตกกระเจิง  อีกตัวเราเจอขากลับ  มันกำลังนอนหลับสบายอารมณ์อยู่  ไกด์จึงพาเรา
เดินอ้อมไม่หาญกล้าไปรบกวนเวลานอนของมัน กลับมาถึงโรงแรมพวกเราก็พบกับข่าวดี  บ่ายนี้เราสามารถ
ไปล่องเรือแคนนูได้  พวกเรานั่งเกวียนเทียมวัวผ่านหมู่บ้าน  มีเด็กๆวิ่งตามกันมาเป็นขบวน  เห็นแล้วก็อดไม่ได้
ที่จะแจกลูกอมให้คนละเม็ดสองเม็ด  เคี้ยวกันตุ้ยๆ สนุกสนานกันใหญ่  อีกใจนึงก็ไม่รู้ว่าเราทำบาปเด็กๆ รึปล่าว  ที่เอาท๊อฟฟี่มาให้เด็กฟันผุ บ้านแถวนี้เลี้ยงวัว  ไก่  แพะ  หมา  อยู่รวมกันหมดหยั่งกะฟาร์มของนายฮิกกินส์ในเรื่อง Babe  เห็นแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นดีจัง ล่องเรือแคนนูครั้งนี้เราเจอจระเข้สามตัวด้วยกัน  เรือเข้าไปจอด
ค่อนข้างใกล้จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าจระเข้พวกนี้ไม่ทำร้ายคนหรือไงนะ  ไกด์ยิ้มตอบกลับมาว่า  "อยู่บนเรือไม่เป็นไรหรอกครับ  อย่าตกลงไปในน้ำละกัน"  "อ้าว"

๕.
บรรยากาศยามเช้าที่ชนบทเนปาลไม่แตกต่างไปจากแถบภาคเหนือหรือภาคอิสานบ้านเราเท่าไรนัก  สงบ  ร่มรื่น  ฝุ่นดิน  กลิ่นขี้วัว  กองฟาง  และไร่ข้าวโพด  ชาวบ้านตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์  ปัดกวาดทำความสะอาดร้าน  ปั๊มน้ำบาดาลจากเครื่องปั๊มมาสาดกลบดินไม่ให้ฝุ่นฟุ้ง  จากพื้นดินสู่พื้นดิน หลังอาหารเช้าเราเดินทางออกจาก
จิตวัน  ออกจากเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบ  สู่เมืองหลวง Katmandu แน่นอน  สิ่งหนึ่งที่เมืองหลวงทุกแห่งไม่ต่างกัน  คือความวุ่นวาย  และสับสนทั้งทางสังคมและวัฒนธรรม  ความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เริ่มหดหายไปตามการ
เวลา  ที่นี่ปาทาน  วิหารและสัตว์เทพเจ้า ไม่แตกต่างไปจากสนามเด็กเล่นของเด็กชาวบ้าน  ไม่ว่าที่ Pokhara  หรือ Katmandu  ไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะอย่างสมัยก่อน  ไม่มีพราห์ม  กษัตริย์  แพทย์  ศูทร์  หรือจัณทาน  (จะคงเหลืออยู่บ้างก็ในเรื่องการแต่งงาน)  แน่นอน  สิ่งต่างๆ เหล่านี้  เกิดขึ้น  คงอยู่  เปลี่ยนแปลง  และตายดับ
ไปตามการเวลา  ยุคสมัย  สภาพสังคม  และอิทธิพลจากนานาอารยะประเทศ  ในสายตาของคนนอกเช่นผม  ผมคงไม่สามารถชี้บอกได้ว่าอะไรควรคงอยู่หรือจากไป  วิถีชีวิตที่ผมไม่มีความเข้าใจ  ผู้คนที่ผมไม่ได้ไปคลุกคลี
และรู้จัก  ถ้าเช่นนั้นแล้ว  ผมเป็นใครและมีสิทธ์อะไรจะไปประณามถึงความสกปรก  และไร้ระเบียบ  ผมมีสิทธิ์อะไรที่จะกล่าวหาว่า  การแบ่งชั้นวรรณะเป็นการดูถูกกันในสังคม  ในเมื่อสายตาของคนนอกเช่นผม
ก็เคยดูถูกพวกเขาทั้งชาติโทษฐานมีการแบ่งชนชั้นวรรณะในสังคม
วัดและสถานที่สำคัญทางศาสนา  เหลือพื้นที่เพียงแมวดิ้นตาย  ความเจริญที่กำลังเข้ามาทำให้ค่าของที่ดินสูงขึ้น  บ้านเรือนที่ปลูกขึ้นติดกับโบราณสถานจนแทบจะเอื้อมมือจากหน้าต่างบ้านชั้นบนไปแตะยอดพระวิหารเจดีย์ได้

๖.
รูปปั้นแกะสลักการสมสู่ของมนุษย์  กาลามศูทร  ครั้งหนี่งมันเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นสื่ออนาจาร วันนี้หลายคน
พยายามทำความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้คือธรรมชาติของมนุษย์  หากศิลปะคือการใช้เส้นสีและแสงเงา  เพื่อบดบัง
บางส่วนที่ไม่อาจเปิดเผยได้อย่างโจ่งแจ้งและให้เกิดการตีความงามตามแต่คนจะมอง ถ้าเช่นนั้นแล้วภาพแกะสลัก
เหล่านี้ย่อมไม่ใช่งานศิลปะ  อีกทั้งมิได้มีความงดงามตามธรรมชาติ  ดังหินตาหินยายที่ถูกสรรสร้างให้งามวิจิตร
 ในบางความรู้สึก  ผมอดนึกไม่ได้ว่ามันเป็นเพียงกลอุบายที่หลอกล่อให้ประชาชนหลงมัวเมาอยู่ในกามคุณ
 ท้ายที่สุดแล้ว  ผมก็ไม่แน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่มนุษย์แสวงหา  กามราคะหรือนิพพาน ใต้จิตสำนึก  ผมรู้ว่าสองสิ่งนี้
ไม่มีวันไปด้วยกันได้  มิเช่นนั้นแล้ว  เหตุใดพระพุทธองค์จึงทรงสละทุกสิ่งออกเดินทาง  มิเช่นนั้นแล้วเหตุใด
รูปปั้นของผีห่าซาตานจึงเต็มไปด้วยกามวิตถาร  ไม่ว่าของคนหรือของสัตว์ ผมก็ไม่แน่ใจว่าหากเราต้องยอมรับ
รูปแกะสลักเหล่านี้ว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์  เช่นนั้นแล้ว  เราก็ต้องยอมรับบรรดาหนังสือลามกอนาจาร  และฉาก  Love  scene  บนหน้าจอภาพยนตร์และโทรทัศน์ด้วยหรือไม่ หรือสื่ออนาจารของบรรดากษัตริย์
นับถือเป็นศิลปะ  ถ้าหากเป็นของมนุษย์ปุถุชนธรรมดามันคือความอัปรีย์จัญไรหรือผมอาจไม่เข้าใจอะไร
เลยก็เป็นได้