| เรื่องเล่าที่เขาชนไก่ |
| กาญจนบุรี -- ลึกเข้าไปทางบ้านลาดหญ้าคือสถานที่ฝึกรักษาดินแดนภาคสนาม
หรือที่รู้จักกันในนาม เขาชนไก่ กับเส้น
ทางลูกรัง ฝุ่นทรายสีขาวที่หนาและคละคลุ้งอยู่ตลอดเวลา คือภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำของพวกเราเหล่านักศึกษา วิชาทหารทุกรุ่นที่ผ่านมาและจากไป ผมไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนี้ สภาพเขาชนไก่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงไร แต่เมื่อ ประมาณ 5 ปีที่แล้ว ที่นี่คือป่าอาถรรพ์ ดินแดนแห่งนี้มีตำนานเรื่องเล่าขานหลากหลายที่พวกเรานักศึกษาวิชาทหารจำได้ ไม่มีวันลืม เรื่องมันเริ่มขึ้นที่นี่ สำหรับการฝึกรักษาดินแดนภาคสนามปี 2 ผมยังจำได้ คืนนั้นเป็นคืนที่ 4 ในค่ายทหาร เมื่อพวกเรากลับมาจากการฝึก แสงแห่งตะวันก็เริ่มจะเจือจางและลาลับไปจากขอบฟ้า ค่ำคืนนั้นท้องฟ้าคลาคลั่งไปด้วย เมฆหมอก อากาศก็เริ่มหนาวเย็นยะเยือก ไร้ซึ่งแสงจันทร์และแสงดาวที่จะผ่านเข้ามาให้เราได้สัมผัสไออุ่น จะมีก็แต่เพียง กองไฟกองน้อยที่นักศึกษาวิชาทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าเวรยามได้ก่อไว้ตั้งแต่หัวค่ำ ซึ่งยังคงพอจะหลงเหลือไออุ่นให้กายได้ สัมผัสอยู่บ้าง พวกเราได้รับมอบหมายหน้าที่ให้จัดแบ่งเวรยามคอยดูแลค่ายในยามวิกาลกันตลอดทั้งคืน ผมและเพื่อนอีกคน ได้รับหน้าที่ ช่วงเวลาห้าถึงหกทุ่มของคืนนั้น ในขณะนั้นผมและเพื่อนเริ่มมีความรู้สึกว่ากองไฟไม่ได้ช่วยให้พวกเรา คลายความหนาวเหน็บลงได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งดึกมากเท่าไหร่อากาศยิ่งทวีความหนาวมากขึ้นทวีคูณ จนเป็นเหตุให้ใคร หลายคนที่นอนอยู่ภายในเต็นท์ ต้องชวนกันลุกเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง และแล้วเวรยามกลุ่มต่อไปก็มานั่งผิงไฟอยู่กับ พวกผมแล้ว เพราะทนนอนขดต่อไปไม่ไหว หากจะเล่าถึงสภาพห้องน้ำห้องส้วมในค่ายทหารแห่งนี้ ที่พวกผมใช้กัน อยู่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ มันมีสภาพเป็นเพียงไม้กระดานขัดแตะอย่างลวก ๆ 6 หลัง หันหลังชนกัน มีประตูไม้สูง ประมาณหัว และเมื่อใครเข้าไปนั่ง ก็จะสามารถมองลอดช่องประตูด้านล่างได้ ยิ่งทำให้บรรยากาศน่าวังเวงชอบกล ซึ่งห้องน้ำที่ว่านี้ อยู่ห่างออกไปจากค่ายพักราวสี่ร้อยถึงห้าร้อยเมตรเห็นจะได้ บริเวณรอบ ๆ ห้องน้ำเต็มไปด้วยต้นไม้ ใหญ่ปกคลุม จนทำให้รู้สึกขนลุกชัน เมื่อมีลมพัดมาเป็นระลอก ๆ ในความมืดมิดแห่งค่ำคืนเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะ เดินไปไหนโดยปราศจากแสงจากไฟฉายหรือตะเกียงช่วยนำทาง เวลาเที่ยงคืน ภาระในการเฝ้ายามของผมได้จบลง แต่ผมและเพื่อนยังคงนั่งคุยกับเวรยามผลัดใหม่อยู่สักพักหนึ่ง จนกระทั่ง ความหนาวเย็นทำให้ผมรู้สึกอยากปลดปล่อยของเสียที่อยู่ในร่างกาย ผมเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำมีเพียงไฟฉายเล็ก ๆ กระบอกเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อนผมอยู่ขณะนั้น เมื่อผมไปถึงห้องน้ำ ผมเดินเปิดประตูแต่ละห้อง ๆ จนครบทุกห้อง ผมไม่พบใครแม้แต่คนเดียว ผมเข้าไปในห้องกลางด้านหลัง ผมนั่งทำธุระส่วนตัวไปพร้อมกับปิดไฟฉายเพื่อแหงนหน้า มองดูท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว มันมีแต่ความมืดมิด ผมละสายตาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาจากทางค่าย เสียงนั่นเริ่มเคลื่อน ที่เข้ามาใกล้ผมทุกที ๆ และแล้วเสียงนั่นก็หยุดลงตรงหน้าห้องน้ำที่ผมเข้าอยู่ ผมแอบดีใจเพราะคิดว่าเพื่อนผมตามมาอีกคน ผมจึงตะโกนออกไปว่า ใครน่ะ? ไอ้สันหรือเปล่าวะ ? แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ทุกอย่างเงียบสงัดผมตะโกนต่อไปอีกว่า เฮ้ย ! เล่นแบบนี้ กูไม่ชอบนะโว้ย ความเงียบยังคงครอบคลุมพื้นที่บริเวณนั้น ไม่มีเสียงตอบกลับมาเช่นเดิม มีก็แต่ เพียงเสียงสายลมกระทบใบไม้ให้พลิ้วไหวอย่างแรง และแล้วสักพักเสียงฝีเท้านั้น ก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง มันเริ่มจากตรงหน้า ผมที่มีเพียงแผ่นไม้บาง ๆ เป็นประตูกางกั้นอยู่ เสียงนั้นเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งและหายลับเข้าไปในป่า ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ คำถามกับตัวเองว่า เสียงฝีเท้านั้นเป็นของใครหรือเสียงอะไร และเหตุใดเสียงนั้นจึงหายเข้าไปในป่า ผมกลับต้องหยุด ชะงักความคิดลงทันที เมื่อไม่เพียงกี่นาทีที่เสียงปริศนานั่นหายไป มันได้เริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง จากทิศเดิม เสียงฝีเท้าเริ่มใกล้ เข้ามา ใกล้เข้ามา และหยุดที่หน้าห้องน้ำผมอีกครั้ง ในใจผมตอนนั้นเริ่มไม่สู้ดี จนผมต้องตะโกนอีกครั้งเพื่อให้เสียงผม กลบเกลื่อนความเงียบเชียบที่กลืนกินอยู่ทุกหนแห่ง เฮ้ย ! ใครวะ อย่ามาแกล้งกันแบบนี้นะ นี่มันในป่านะโว้ย ไร้ซึ่งเสียงตอบรับอย่างเคย ผมตัดสินใจเปิดไฟฉายที่ถืออยู่ในมือ แล้วส่องไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ผมพยายามจ้องมองไปที่ ช่องด้านล่างของประตู และรีบส่องไฟฉายลงไป ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมถึงกับขนลุกตั้งชัน ไม่ใช่เพราะอากาศที่หนาวเย็น หากแต่เป็นเพราะผมเห็นเท้าสกปรก ๆ คู่หนึ่งใส่ร้องเท้าหนีบเก่า ๆ โทรม ๆ ที่เกรอะกรังไปด้วยดินโคลน มันดูเป็นเท้าที่ ผ่านการตรากตรำงานหนักมาทั้งชีวิต ผมแน่ใจเป็นยิ่งนักว่าเท้าคู่นี้ไม่มีทางเป็นเท้าของนักศึกษาวิชาทหารหรือครูฝึก เป็นแน่แท้ ขณะนั้นผมไม่คิดรีรอรีบใส่กางเกง แล้วลุกขึ้นยืนส่องไฟฉายข้ามประตูไป ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลยแม้แต่คนเดียว ผมนั่งลงอีกครั้งด้วยความสงสัย ผมส่องไฟฉายต่อไปที่ขอบประตูด้านล่าง
มันเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักที่เท้าปริศนา
เขียน ยัยโก๊ะ
Man Character คือ นักศึกษาวิชาทหารที่ผมเจอเท้าปริศนา
|