โฮม ขึ้น ขั้นตอนในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก General Environment competitive Environment Strategic Group

Strategic Group Analysis

ในทางปฏิบัติองค์กรธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆกันเช่น ช่องทางในการจัดจำหน่าย หรือคุณภาพสินค้า  ดังนั้นจึงได้นำวิธี Strategic Group Mapping มาช่วยวิเคราะห์องค์กรต่างๆ ตามประเภทหรือหรือกลุ่มตามกลยุทธ์พื้นฐานที่แต่ละองค์กรใช้

ในการวิเคราะห์ตาม Strategic Group นั้นจากจำนวนองค์กรธุรกิจทั้งหมดในอุตสาหกรรม จะทำการจัดแบ่งอุตสาหกรรมออกเป็นกลุ่มๆเพื่อความสะดวกในการวิเคราะห์ ซึ่งในแต่ละ Strategic Group นั้นจะประกอบไปด้วยองค์กรธุรกิจคู่แข่งขันที่มีแนวทางในการแข่งขันและสถานภาพทางการตลาดที่คล้ายกัน องค์กรธุรกิจในแต่ละ Strategic Group อาจจะมีความเหมือนกันในด้านใดด้านหนึ่ง ได้แก่ การมีสายผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกัน กิจการมีธุรกิจครอบคลุมในด้านต่างๆพอๆกัน เสนอบริการรวมทั้งบริการหลังการขายแก่ลูกค้าคล้ายๆกัน พึงพาเทคโนโลยีชนิดเดียวกัน ขายในราคาและคุณภาพที่ใกล้เคียงกัน

ในอุตสาหกรรมบางแห่งอาจจะมีแค่ Strategic Group เดียว ถ้าองค์กรธุรกิจทุกองค์กรในอุตสาหกรรมนั้นใช้กลยุทธ์ที่เหมือนกันหมด ในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมบางแห่งอาจจะประกอบไปด้วยหลาย Strategic Group ที่ใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน และมีสภาพทางการตลาดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในการวิเคราะห์ Strategic Group โดยการสร้างแผนผัง (Strategic Group Mapping) จะต้องคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวนี้

·       ระบุความแตกต่างในวิธีการแข่งขันที่ทำให้แต่ละองค์กรธุรกิจมีความแตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติปัจจัยต่างๆเหล่านี้ได้แก่ ราคาและคุณภาพ (สูง กลาง ต่ำ) เขตภูมิภาคที่ครอบคลุม (ท้องถิ่น ภูมิภาคระดับชาติ ระดับสากล) ลักษณะทางสายการผลิต (กว้าง แคบ) การใช้ช่องทางในการจำหน่าย และระดับของบริการที่ให้

·       สร้างแผนที่สองแกนโดยใช้ลักษณะความแตกต่างกันตามแต่ละแกน และใส่องค์กรธุรกิจตามลักษณะแต่ละประการ โดยลักษณะของแต่ละแกนจะต้องไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

·       ให้องค์กรที่ตกอยู่ในเขตกลยุทธ์ใกล้เคียงกันเป็น Strategic Group เดียวกัน

·       วาดวงกลมรอบแต่ละ Strategic Group โดยให้ขนาดของวงกลมแทนขนาดของแต่ละกลุ่มในแง่ของส่วนแบ่งของยอดขายของทั้งอุตสาหกรรม 

 

จากการพิจารณา Strategic group mapping จะพบว่าในบางกลุ่มมีความน่าสนใจในการดำเนินงานมากกว่าเนื่องจากมีโอกาสที่มากกว่าและมีข้อจำกัดที่น้อยกว่า แต่โอกาสในการย้ายไปแข่งขันกลุ่มอื่นย่อมต้องมีต้นทุน หรือที่เรียกว่า “Mobility Barriers” ซึ่งก็คือ ปัจจัยในการจำกัดการเคลื่อนย้ายขององค์กรจากอุตสาหกรรมหนึ่งไปยังอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง หรือจาก Strategic group หนึ่งไปยังอีก Strategic group หนึ่ง